ดิ อะเมซิ่ง เรซ 14 (อังกฤษ: The Amazing Race 14) เป็นฤดูกาลที่ 14 ของรายการ ดิ อะเมซิ่ง เรซ ซึ่งเป็นเกมโชว์ประเภทเรียลลิตี้โชว์ระดับรางวัลเอ็มมี 8 สมัยซ้อนทางโทรทัศน์ รายการนี้จะมีผู้เข้าแข่งขันเป็นทีมๆ ละ 2 คนซึ่งรู้จักกันมาก่อนแล้ว ทำการแข่งขันโดยเดินทางรอบโลก โดยทีมที่ชนะจะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเกมส์โชว์ดังกล่าวเริ่มออกอากาศในสหรัฐอเมริกาทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 เวลา 20 นาฬิกา ซึ่งยังคงเป็นคืนวันอาทิตย์ เช่นเดิม และเริ่มออกอากาศในประเทศไทยทางช่อง เอเอ็กซ์เอ็น ทาง ทรูวิชั่นส์ ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 เวลา 21 นาฬิกา
ดิ อะเมซิ่ง เรซ 14 ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 22 วัน คิดเป็นระยะทางประมาณ 40,000 ไมล์ โดยทีมจะเดินทางผ่าน 9 ประเทศ คือ โรมาเนีย (เป็นครั้งแรกของรายการ) สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี ออสเตรีย อินเดีย ไทย สาธารณรัฐประชาชนจีน และ รัสเซีย (ดินแดนครัสโนยาสค์ และแคว้นโนโวซีบีสค์ ) ก่อนที่จะไปจบการแข่งขันที่ มาอุย รัฐฮาวาย โดยจากบทสัมภาษณ์กับผู้ผลิตรายการ เบ็นตั้น แวนด์ มัสเตอร์ เขากล่าวว่าทีมจะเดินทางระหว่างเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งโดยรถไฟสายทรานส์ ไซบีเรียรวมถึงผจญพายุหิมะกลางทุ่งไซบีเรียที่อุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส เขายังกล่าวอีกว่าทีมจะต้องเผชิญกับสภาพอากาศสุดโหด ภารกิจอุปสรรคที่เข้มข้นและเวลาในท่าอากาศยานที่น้อยลง ซึ่งอาจทำให้ทีมเกิดอาการอ่อนเพลียได้ นอกจากนี้ ซีบีเอสยังเปิดเผยว่าในการแข่งขันจะมีการบันจีจัมพ์จากหอที่สูงเป็นลำดับสองของโลก ผจญกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวจนหายใจไม่ออกในอินเดีย และการท้าทายระหว่างกีฬาโอลิมปิก ฤดูร้อนประจำปี ค.ศ. 2008 ที่ทำให้ทีมเกิดอาการหอบได้
สำหรับในซีซั่นที่ 14 นี้ เบอร์แทรม ฟาน มุนสเตอร์ ได้ให้สัมภาษณ์กับยูเอสเอทูเดย์ไว้ว่า จะมีการอัปเดตแผนที่แสดงเส้นทางในรายการผ่านทาง กูเกิล แมปส์ มีช่วงเปิดรายการแบบใหม่ กราฟิกใหม่ (ฟอนต์ของชื่อผู้เข้าแข่งขันและคำอธิบายภารกิจในรายการ และไอคอนแสดงสัญลักษณ์คำใบ้ต่าง ๆ อย่างไรก็ดีไอคอนแบบเก่ายังพบในการถ่ายทำอยู่) มีการแบ่งครึ่งหน้าจอในช่วงที่มีสองฉากเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน และมีการปรับปรุงเพลงประกอบรายการใหม่อีกด้วย นอกจากนี้ซีซั่นนี้เป็นครั้งที่สองที่เส้นชัยไม่ได้อยู่ที่แผ่นดินใหญ่ในสหรัฐอเมริกา โดยฤดูกาลแรกที่เส้นชัยอยู่นอกแผ่นดินใหญ่ในสหรัฐอเมริกาคือ ดิ อะเมซิ่ง เรซ 12 ไม่เพียงเท่านี้ ฤดูกาลนี้ยังมีการเปลี่ยนกติกาของคำสั่งย้อนกลับ (U-Turn) เล็กน้อย ซึ่งปรากฏในเลกที่ 4 ของการแข่งขัน คำสั่งย้อนกลับที่ปรากฏในเลกนั้นทีมที่ใช้ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยว่าตนสั่งย้อนกลับ (ไม่จำเป็นต้องปิดป้ายแสดงว่าพวกเขาเป็นผู้สั่งย้อนกลับ (Blind U-Turn) ซึ่งตั้งแต่มีการใช้คำสั่งถ่วงเวลา (Yield) และคำสั่งย้อนกลับ ทีมที่ใช้จะต้องปิดป้ายแสดงว่าตนเป็นผู้สั่งย้อนกลับให้ทีมอื่น ๆ ทราบ) แต่ทว่า U-Turn ในเลกที่ 10 ของฤดูกาลนี้นั้นเป็น U-Turn แบบปกติ คือ ต้องติดแผ่นป้ายบอกว่าใครเป็นคนสั่ง U-Turn ใคร ในการแข่งขันครั้งนี้ มีคำสั่งทางด่วนที่ไม่ได้ออกอากาศทางโทรทัศน์ 1 ครั้ง โดยเมลกับไมค์ให้สัมภาษณ์หลังจากจบการแข่งขันว่าคำสั่งทางด่วนในเลก 7 ของการแข่งขันเป็นคำสั่งที่ให้ทีมเดินทางไปยังตลาดและซื้อของให้กับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ด้วยเงินของพวกเขาเอง ซึ่งในที่สุดแล้วไม่มีทีมใดใช้ทางด่วนในเลกดังกล่าวเลยรวมถึงเป็นครั้งแรกที่จำนวนทางด่วนนั้นมีแค่ 1 ครั้งเท่านั้นซึ่งโดยปกติแล้วจำนวนทางด่วนในฤดูกาลที่ 5-13 จะมีทั้งหมด 2 ครั้ง (ฤดูกาลที่ 1-4 มีจำนวนทางด่วน 9-11 ครั้งด้วยกัน)
สำหรับฤดูกาลที่ 14 นี้ปิดรับสมัครเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 การสัมภาษณ์เพื่อคัดตัวรอบรองสุดท้ายมีขึ้นในเดือน มิถุนายน พ.ศ. 2551 และรอบสุดท้ายมีขึ้นเมื่อประมาณปลายเดือนมิถุนายน ถึงต้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 ที่ ลอสแอนเจลิส, แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา การค้นหาสถานที่แข่งกระทำขึ้นในช่วงเดือน สิงหาคม และการถ่ายทำคาดว่ามีขึ้นในเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
ผู้เข้าแข่งขันในครั้งนี้มีทั้งคู่แต่งงานที่แต่งกันมาแล้ว 17 ปีจากรัฐเวอร์จิเนีย พี่ชายกับน้องชายสตั๊นท์แมน ไปจนถึงผู้เข้าแข่งขันที่หูหนวกครั้งแรกของเวอร์ชันสหรัฐอเมริกา ลูค อดัมส์ ที่อาศัยคุณแม่ของเขาในการสื่อสารด้วยภาษามือ โดยผู้เข้าแข่งขันที่หูหนวกครั้งแรกในทุก ๆ เวอร์ชันคือเอเดรียน แย็บ ซึ่งเป็นผู้ชนะใน ดิ อะเมซิ่ง เรซ เอเชีย 2 (สำหรับในกรณีที่ถ้ามาร์กี้กับลุคเข้าถึงจุดพักพิธีกรจะใช้ภาษามือในการบอกลำดับที่ของพวกเขา ซึ่งปรากฏขึ้นในตอนที่ 1)
ตารางแสดงชื่อ ความสัมพันธ์ของผู้แข่งขันในขณะถ่ายทำของแต่ละทีมพร้อมทั้งแสดงสถานะในการแข่งขัน ดังนี้ (ตารางนี้อาจไม่ได้แสดงข้อมูลที่ตรงกับข้อมูลที่ออกอากาศในโทรทัศน์เนื่องจากข้อมูลที่เพิ่มเข้ามาบางส่วน หรือข้อมูลที่ถูกนำออกไปบางส่วน)
หมายเหตุ 1: คำสั่งย้อนกลับในเลกนี้เป็นแบบไม่ต้องเปิดเผยว่าใครเป็นผู้สั่งใช้โดย มาร์จี้กับลุค ใช้สั่งย้อนกลับ อแมนด้ากับคริสหมายเหตุ 2: มาร์คกับไมเคิลมาถึงเป็นที่ 1 ของเลคนี้ แต่พวกเขาถูกปรับเวลา 30 นาที 2 ครั้ง รวมเป็น 1 ชั่วโมง เนื่องจากอย่างแรกคือพวกเขาซ่อนเครื่องมือทำงานทางแยก 2 ไมล์ และอย่างที่สองก็คือให้แท็กซี่นำทางให้ หลังจากปรับเวลาเสร็จแล้ว ทำให้พวกเขาตกลงมาอันดับที่ 3หมายเหตุ 3: คิชากับเจนเดิมมาถึงเป็นลำดับที่ 3 แต่พวกเธอไม่ได้นำกระเป๋าที่ใส่เงินและหนังสือเดินทางมาด้วย ทำให้จะแข่งต่อไปยังประเทศอื่นไม่ได้ ดังนั้นจะต้องกลับไปเอากระเป๋าแล้วค่อยเข้าจุดพักอีกครั้ง ทำให้ลำดับตกลงมาอยู่ที่ 4หมายเหตุ 4: มาร์คกับไมเคิลใช้ของส่วนตัวแทนเงินในการจ่ายค่าโดยสารแท็กซี่ (ปกติทีมสามารถขอเงินจากคนท้องถิ่นหรือขอลดหย่อนค่าโดยสารได้ถ้าไม่ได้สั่งห้ามไว้) จำนวน 2 ครั้งจึงถูกปรับครั้งละ 2 ชั่วโมงรวมเป็น 4 ชั่วโมง แต่เมื่อปรับเวลาไปได้ 50 นาทีก็ทำให้ตกลงมาอยู่อันดับสุดท้ายแต่ไม่ถูกคัดออกเนื่องจากเป็นด่านที่ไม่มีการคัดออก ฉะนั้นเวลาอีก 3 ชั่วโมง 10 นาที ที่เหลือจะถูกนำไปปรับเพิ่มตอนเริ่มการแข่งขันในด่านถัดไปแทนหมายเหตุ 5: เมื่อเข้าจุดเช็คในเลกที่ 10 นี้ทีมได้รับคำใบ้จากพิธีกรและแข่งต่อไปทันทีโดยไม่มีการหยุดพัก ทำให้กลายเป็นว่าทีมที่เข้ามาเป็นลำดับสุดท้ายก็ไม่มีบทลงโทษ
ในบางเลก ทางรายการจะมีรางวัลให้กับผู้เข้าแข่งขันที่สามารถเข้าเส้นชัยได้เป็นทีมแรก สำหรับแพ็กเกจทัวร์ทั้งหมดสนับสนุนโดยแทรเวโลซิตี้
เช่นเดียวกับฤดูกาลที่ผ่านมาที่ทีมที่ถูกคัดออกจะถูกส่งไปยังบ้านพัก สำหรับฤดูกาลนี้ทีมที่ถูกคัดออกจะถูกส่งไปยังบ้านพักที่เกาะสมุยในประเทศไทยเพื่อรอให้การแข่งขันจบและได้ผู้ชนะ ซึ่งซีบีเอสได้โพสต์วิดีโอสั้นลงบนเว็บไซต์ของรายการหลังจากแต่ละตอนออกอากาศไปแล้วตามเวลาโซนแปซิฟิก เพื่อแสดงให้เห็นถึงการกระทำและความรู้สึกของทีมที่ถูกคัดออก ในระหว่างที่อยู่ในบ้านพัก
อุปสรรคแรกในการแข่งขันครั้งนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องกระโดดบันจีจัมพ์จากเขื่อนเวอซาสก้า ซึ่งเป็นสถานที่กระโดดบันจีจัมพ์ทางการค้าที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ด้วยความสูง 70 ชั้น
อุปสรรคในการแข่งขันครั้งนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องกระโดดร่มจากบนภูเขาลงมาที่พื้นโดยต้องอาศัยจังหวะลมที่ดี แต่ถ้าทีมไหนรอไม่ไหวก็สามารถลงเขาได้เลยโดยใช้เวลา 60 นาที ทางแยกในการแข่งขันครั้งนี้ทีมจะต้องเลือกระหว่าง ม้ามีล้อ (Balancing Dolly) และ เบาปัญญา (Austrian Folly) โดยทีมที่เลือกม้ามีล้อ ทีมจะต้องขับเช็กเวย์ เป็นระยะทาง 2 ไมล์(3.2 กิโลเมตร) โดยผ่านทางที่ขรุขระ สำหรับทีมที่เลือกเบาปัญญา ทีมจะต้องใช้เค้กของชาวบาวาเรียโยนใส่หน้าคู่ของตนจนกว่าจะเจอเค้กไส้เชอร์รี่จำนวน 1 ชิ้น
อุปสรรคในเลกนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องทำทักษะทางด้านยิมนาสติก 3 ด้านคือคานทรงตัว, บาร์คู่ และ Floor Exercise ให้เป็นที่พอใจของครูฝึกสอนแล้วจึงจะได้รับคำใบ้ต่อไป ทางแยกในเลกนี้จะต้องเลือกระหว่าง การเคลื่อนที่ของคนยิปซี (Gypsy Moves) กับซากของแวมไพร์ (Vampire Remains) โดยทีมที่เลือก การเคลื่อนที่ของคนยิปซี จะต้องช่วยคนท้องถิ่น (ยิปซี)แบกของขึ้นบนรถม้า แล้วให้คนหนึ่งนั่งข้างคนขี่ แล้วอีกคนวิ่งตามรถม้าเพื่อเก็บของที่ตก เมื่อถึงที่แล้วต้องช่วยแบกของลงมา ส่วนทีมที่เลือก ซากของแวมไพร์ จะต้องหาหีบโลงศพตามทางลูกศรแล้วลากลงมา แล้วหากุญแจที่เสียบอยู่กับไม้นำมาไขกุญแจที่มีโซ่พันอยู่รอบโลง จากนั้นจึงนำแผ่นไม้กระดานในโลงมาฟาดกับไม้แหลมจนเจอแผ่นสีเหลือง - แดงแล้วนำไปแลกกับคนสวมชุดแวมไพร์
ทางแยกของเลกนี้จะต้องเลือกระหว่าง เรียง (Stack) กับสร้าง (Construct) โดยทีมที่เลือกเรียง จะต้องก่อกำแพงจากกองไม้ถัดจากกำแพงไม้ที่สร้างไว้ก่อนแล้ว ถ้ากำแพงล้มจะต้องก่อใหม่ทั้ง 2 กำแพง ส่วนทีมที่เลือกสร้าง จะต้องไปที่บ้านนักก่อสร้างแล้วทำหน้าต่าง จากนั้นจึงแบกไปบ้านที่มีป้าย "ต้องการซ่อม" แล้วจึงติดตั้งหน้าต่างให้กับบ้านที่มีป้ายบอกนั้น อุปสรรคในเลกนี้สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องนั่งรถ bobsled ภายในระยะเวลา 4 นาที ขณะที่นั่งรถ ต้องสังเกตตัวอักษร 7 ตัวแล้วนำมาเรียงเป็นชื่อ "เชคอฟ"(CHEKHOV) ซึ่งเป็นนักประพันธ์ชาวรัสเซีย ให้ถูกต้องก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป
ทางแยกของเลกนี้ต้องเลือกระหว่างเจ้าสาวรัสเซีย (Russian Bride) กับเครื่องเกลี่ยหิมะรัสเซีย (Russian Snowplow) โดยทีมที่เลือกเจ้าสาวรัสเซีย จะต้องใช้รถลาดาขับไปด้วยตนเองที่อพาร์ตเม้นท์สมัยโซเวียต แล้วไปรับเจ้าสาวรัสเซียไปส่งที่โบสถ์ที่กำหนดไว้ที่เจ้าบ่าวของเธอรออยู่ เมื่อทีมถ่ายภาพคู่กับเจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้ว เจ้าบ่าวจะให้คำใบ้ต่อไป ส่วนทีมที่เลือกเครื่องเกลี่ยหิมะรัสเซีย จะต้องใช้รถลาดาขับไปที่สนามกีฬาสปาร์ตัค ที่สมาชิกในทีมแต่ละคนจะต้องขับเลี้ยวเครื่องเกลี่ยหิมะ ไปตามทางที่กำหนดซึ่งมีคู่ช่วยบอกทาง อุปสรรคของเลกนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องเลือกนักกีฬาวิ่งมาราธอนชาวรัสเซีย 2 คนที่จะช่วยอบอุ่นร่ายกาย ก่อนที่เขาหรือเธอจะเปลือยกายเหลือแค่ชุดชั้นใน แล้ววิ่งประมาณ 1 ไมล์ (1.6 กิโลเมตร) ไปสู่โรงอุปรากรและบัลเลต์แห่งโนโวซีบีรสค์ ที่ที่คู่ของสมาชิกถูกขนส่งมาก่อนแล้วเข้าจุดหยุดพักด้วยกัน
ทางแยกของเลกนี้ต้องเลือกระหว่างผู้เคลื่อนที่ (Movers) กับผู้เขย่า (Shakers) โดยทีมที่เลือกผู้เคลื่อนที่จะต้องเดินทางไปที่ประตูแชกานีระ แล้วเลือกรถลากที่บรรจุไปด้วยถังใส่ฟางแล้วเคลื่อนย้ายเป็นระยะทาง 1.5 ไมล์ (2.4 กิโลเมตร) ไปที่ประตูโซราวาร์ ไช เมื่อพวกเขาถึงที่ประตูโซราวาร์ ไช แล้วพวกเขาจะต้องค้นหาเครื่องรางช้างเหล็กในถังใส่กองฟาง เมื่อหาเจอแล้วจะต้องนำไปแลกกับคำใบ้ต่อไป ส่วนทีมที่เลือกผู้เขย่า ทีมจะต้องแต่งกายชุดท้องถิ่นแล้วร่วมไปกับคณะนักเต้นพื้นเมือง เพื่อสะสมเงิน 100 รูปี (3 ดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อพวกเขาให้เงินกับหัวหน้าวงแล้วจึงจะได้รับคำใบ้ต่อไป อุปสรรคของเลกนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องดูแลฝูงอูฐที่เป็นของมหาราชา โดยใช้เครื่องมือท้องถิ่นเพื่อย้ายกองฟางให้ถึงเส้นที่กำหนด แล้วเติมน้ำใส่ถัง ส่วนงานเพิ่มเติมสำหรับคริสตี้และโจดี้จะต้องตกแต่งใบหน้าของช้างโดยใช้สีจนกว่าควาญช้างจะรู้สึกพอใจกับผลงานของเธอ
ทางแยกของเลกนี้ต้องเลือกระหว่าง 100 บาเรล (100 Barrels) กับ 2 ไมล์ (2 Miles) โดยทีมที่เลือก 100 บาเรลจะต้องเลือกเรือ 1 ลำจากทั้งหมด 6 ลำแล้วเติมน้ำใส่ถังจำนวน 47 ถังแล้วยกถังเข้าไปชั้นบนของเรืออีก 53 ถัง ส่วนทีมที่เลือก 2 ไมล์จะต้องขนส่งรถลากโดยให้สมาชิกอีกคนนั่งบนรถลากเพื่อบอกระยะทาง 2 ไมล์ (3.2 กิโลเมตร) ไปที่สวนหลวง ร.9 เพื่อค้นหาคำใบ้ต่อไป ส่วนทางด่วนที่ไม่ได้ออกอากาศนั้น ทีมจะต้องไปที่ตลาดแล้วซื้อของให้แก่ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโดยใช้เงินสดที่ทีมมีอยู่
อุปสรรคของเลกนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องต่อใบกังหันหลังเรือหางยาวของไทยให้ถูกต้อง ก่อนที่จะนั่งเรือหางยาวไปยังสถานที่ต่อไป ทางแยกของเลกนี้ ทีมจะต้องเลือกระหว่าง ฟันหัก (Broken Teeth) หรือ ทำลายสถิติ (Broken Record) โดยทีมที่เลือกฟันหักจะต้องเดินทางไปที่ซอยแฮปปี้สไมล์ (Happy Smile) แล้วเติมฟันปลอมให้กับผู้คน 5 คนให้ถูกต้องก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป ส่วนทีมที่เลือกทำลายสถิติจะต้องเดินทางไปที่ไชน่า ทาวน์ ณ ถนนเยาวราช ที่วัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร แล้วเลือกกลุ่มของกะเทยและรถแท็กซี่ ซึ่งทีมจะต้องร้องเพลงลูกทุ่งคาราโอเกะ (เพลงสาวบางโพ) ไปตามการจราจรของถนนไปกับผู้ร่วมเดินทาง
อุปสรรคของเลคนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องนั่งเรือแพออกไปในทะเลสาบ แล้วโยนปลาในเข่งทีละตัวลงในทะเลสาบเพื่อให้นกเป็ดน้ำคาบจำนวน 10 ตัว แล้วนำไปแลกกับคนบนฝั่งเพื่อรับคำใบ้ต่อไป ทางแยกของเลคนี้ ทีมจะต้องเลือกระหว่างการเต้นรำ (Choreography) กับการเขียน (Calligraphy) โดยทีมที่เลือกการเต้นรำนั้น จะต้องเดินทางไปที่เกาะกลางทะเลสาบ แล้วเรียนรู้การเต้นรำของจีนแบบท้องถิ่น แล้วเต้นรำไปพร้อมกับคนจีนให้เป็นที่พึงพอใจของครูฝึกทั้ง 2 ท่านจึงจะได้รับคำใบ้ต่อไป ส่วนทีมที่เลือกการเขียนจะต้องหาสถานที่ในการเขียนเพื่อใช้พู่กันจีนจุ่มหมึกเขียนชื่อสถานที่ต่อไปในการเขียนเป็นภาษาจีน ซึ่งถ้าอาจารย์ฝึกพึงพอใจจะประทับตราแสตมป์ 1 ดวง เมื่อประทับได้ครบ 4 ดวงจึงจะได้รับคำใบ้ต่อไปจากอาจารย์ฝึกคนสุดท้าย ส่วนงานเพิ่มเติมของมาร์คกับไมเคิลนั้น ทั้งคู่จะต้องสระผมแล้วเป่าผมให้แห้งสำหรับผู้หญิงชาวจีน 2 คนจึงจะสามารถแข่งขันต่อไปได้
อุปสรรคของเลคนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องได้รับการนวดฝ่าเท้าจากคนนวดชาวจีน ซึ่งก่อนนวดนั้นจะต้องดื่มน้ำชา ที่ได้ชื่อว่า "น้ำชาปาฏิหาริย์" จนกว่าเวลาจะหมดก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป ในกรณีที่สมาชิกไม่สามารถอดทนนวดได้ สามารถร้องตะโกนว่า Uncle เพื่อเป็นการหยุด แต่ก็ต้องรับทำการนวดใหม่ด้วย ทางแยกของเลคนี้ ทีมจะต้องเลือกระหว่างกระโดด (Sync) กับว่าย (Swim) โดยทีมที่เลือกกระโดด จะต้องเปลี่ยนชุดเป็นชุดว่ายน้ำ ก่อนที่จะกระโดดน้ำลงมาจากสปริงบอร์ดให้พร้อมกัน เมื่อกรรมการทั้ง 2 ท่านให้ 5 คะแนนเหมือนกันแล้ว จึงจะได้รับคำใบ้ต่อไป ส่วนทีมที่เลือกว่ายจะต้องเปลี่ยนชุดเป็นชุดว่ายน้ำสปีโด้ ซึ่งเป็นแบบของไมเคิล เฟ็ลปส์ ในการแข่งขันโอลิมปิกที่ปักกิ่ง ค.ศ. 2008 ซึ่งทีมจะต้องว่ายน้ำเป็นจำนวน 8 รอบ (หรือ 400 เมตร) ซึ่งสมาชิกในทีมจะต้องว่ายน้ำสลับกันคนละ 100 เมตร เมื่อวายน้ำได้ครบ 8 รอบแล้วจึงจะได้รับคำใบ้ต่อไป (สถิติโลกของไมเคิล เฟ็ลปส์ทำได้ 4.03.84 นาที แต่สมาชิกไม่ต้องว่ายน้ำทำลายสถิติหรือสนใจเวลานั้น)
ทางแยกของเลคนี้ ทีมจะต้องเลือกระหว่างงิ้วจีน (Beijing Opera) กับพนักงานเสิ์ร์ฟจีน (Chinese Waiter) โดยทีมที่เลือกงิ้วจีน จะต้องเดินทางไปที่โรงโอเปร่า Hu Guang Hui Guan แล้วสมาชิกจะต้องแต่งหน้าเป็นงิ้วแบบผู้คนชายหญิง 2 คนที่อยู่บริเวณข้างหน้า ก่อนที่จะแต่งตัวแล้วขึ้นไปบนเวทีแล้วคำนับผู้เชี่ยวชาญ แล้วจึงจะได้รับคำใบ้ต่อไป ส่วนทีมที่เลือกพนักงานเสิร์ฟจีน จะต้องเดินทางไปที่ร้านอาหาร Hu Guang Hui Guan แล้วจะต้องรับเมนูอาหาร 4 รายการซึ่งพูดเป็นภาษาจีนแมนดาริน (ได้แก่ ปลาที่ชาวจีนเชื่อว่าทำให้โชคดี บะหมี่มังสวิรัติ ไก่ทอด เนื้อทอดและซี่โครงหมู) จากนั้นสมาชิกจะต้องเดินไปหาผู้ทำอาหาร แล้วสั่งรายการอาหารเป็นภาษาจีนให้ถูกต้องทั้งหมด ก่อนที่เชฟจะไปทำอาหารแล้วให้สมาชิกไปเสิร์ฟ ก่อนที่จะได้รับคำใบ้ต่อไปจากลูกค้าที่นั่งอยู่ อุปสรรคของเลคนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องรับประทานปลาดาว ตั๊กแตน ตัวอ่อนหนอนและแมงป่องทอดให้หมด เมื่อสมาชิกรับประทานหมดแล้วจึงจะได้รับคำใบ้ต่อไป
อุปสรรคสุดท้ายของรายการ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องทำภารกิจที่เกี่ยวกับความทรงจำในรายการ สมาชิกจะต้องเรียงกระดานโต้คลื่นทั้งหมด 11 อันที่มีรูปภาพที่สื่อถึงกิจกรรมในเลกก่อนๆ ทั้งหมด เมื่อกระดานโต้คลื่นทั้งหมด 11 อันเรียงในลำดับที่ถูกต้องแล้ว ทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไป ซึ่งแผ่นป้ายที่ต้องเรียงมีดังนี้